Search results for

Mr. Penumbra’s 24-Hour Bookstore 

ถ้าคุณเป็นคนที่สนใจในเรื่องของคอมพิวเตอร์ การ์ตูน นิยายแฟนตาซี สนใจแบบที่เรียกได้ว่า Geek คุณน่าจะชอบหนังสือเล่มนี้ นิยายเรื่องนี้รวมความ geek ไว้ในตัวได้อย่างน่าหลงใหล ตัวละครหลักมีชีวิตชีวา มีเสน่ห์และจับต้องได้ Clay ทำงานด้านดีไซนเนอร์มาก่อน แต่ตกงานจึงมาทำงานที่ร้านหนังสือของ Mr. Penumbra ที่ทั้งแปลกและน่าสนใจ Clay ไม่ได้แค่ทำงานไปวันๆ เขาเฝ้าสังเกตคนที่เข้ามาใช้บริการตามที่ Mr. Penumbra บอกให้เขาทำ และเริ่มค้นพบว่าร้านหนังสือเก่าๆ ที่ทั้งแคบและสูงแห่งนี้ (เวลาจะหยิบหนังสือทีต้องปีนบันไดขึ้นไปสูงมากกก) มีอะไรมากกว่าที่เห็น เขาและเพื่อนๆ ที่มีความ geek มากมายอย่างเจ้าของบริษัทด้านคอมพิวเตอร์เทคโนโลยีที่รวยมากๆ แต่ก็บ้าแฟนตาซีมากๆ หรือว่าเพื่อนร่วมห้องที่เป็นคนทำของประกอบฉากต่างๆ ในภาพยนตร์ได้เหมือนเป๊ะ สาวเนิร์ดสุดใจที่ทำงานใน google ความใหม่ของเทคโนโลยีกับความคลังของร้านหนังสือทำให้นิยายเล่มนี้สนุกและอ่านได้ไม่เบื่อ การค้นหาปริศนาในเรื่องทำได้อย่างน่าสนใจและสมจริง ชนิดที่คิดว่ามันน่าจะเกิดขึ้นได้ในโลกจริงๆ ตอนจบที่ไม่โอเว่อร์อลังจนเกินไปทำให้เรื่องราวและบุคคลในหนังสือจับต้องได้ พออ่านจบแล้วรู้เลยว่า ความหมายของตอนจบถูกสะท้อนออกมาในรูปแบบความสัมพันธ์ของตัวละครหลักและตัวละครอื่นๆ ได้อย่างแนบเนียนและชัดเจนจริงๆ   Read More

Mara Dyer Trilogy

  ความรู้สึกหลังอ่านหนังสือชุดนี้ในแต่ละเล่ม ก้ำกึ้งระหว่างชอบและไม่ชอบ ไม่ใช่เฉยๆ แต่เพราะมีจุดที่ชอบมากๆ และจุดที่รู้สึกไม่สมเหตุสมผลปนๆ กันไป ส่วนที่สนุกอ่านเพลินโดยเฉพาะเล่มแรกและเล่มที่สองคือบทสนทนาระหว่างพระเอกนางเอก และความสัมพันธ์ที่ดีมากๆ ของนางเอกกับพี่ชาย แม้แต่ตัวเพื่อนของนางเอกก็มีสีสัน แต่จุดบกพร่องอาจจะเป็นช่องโหว่ของเรื่องราวที่ผู้เขียนทิ้งปมเอ่ไว้แต่กลับรวบรัดในเล่มสุดท้าย ถ้าถามว่าจะแนะนำให้อ่านมั้ย แนะนำแน่นอน อยากให้รู้จักโนอาห์ >_< พระเอกคือสิ่งดีงามที่สุดในเรื่องจริงๆ 55 เขาเป็นแบดบอยที่ทุ่มเท และเราพร้อมจะหลงรักได้ง่ายๆ อีกอย่างบทสนทนาจิกกัดหยอกกันไปมานั้นอ่านสนุก อยากให้มีฉากด้วยกันเรื่อยๆ ในส่วนที่เป็นพล็อตหลักขยายไปถึงเล่มสามนั้น ได้คำตอนในบางส่วน แต่บางส่วนยังค้างคาใจเบาๆ และผู้เขียนเปลี่ยนวิธีเขียนด้วยคือมีสลับมุมมองทั้งพระเอก นางเอก หรือพาร์ทอดีต ทำให้ ความรู้สึกร่วมถูกตัดไปมา ยิ่งในบทสุดท้ายก้ำกึ้งมากๆ ว่าจะชอบหรือไม่ชอบ คือ อยากให้หาทางออกให้ตัวละครดีกว่านี้ ที่มีก็โอเค แต่อยากได้ความรู้สึกอิ่มมากกว่านี้ ตัวนางเอกค่อนข้างแปลกแยกจากนางเอกที่เคยอ่าน คือมีทั้งดำขาวเทา โหมดดีและร้ายรวมๆ กัน แม้บางครั้งจะเข้าใจในการกระทำของเธอ และก็แอบคิดว่าโหดร้ายไปสักหน่อยสำหรับตัวละครอื่นๆ สรุปว่าอ่านสนุกโดยเฉพาะสองเล่มแรก สำหรับเล่มสุดท้ายอาจจะเพราะเรื่องโฟกัสที่ตัวนางเอก คนชอบพระเอกเลยไม่อินนิดๆ (ฮา) แต่จากการการเรื่องนี้ทำให้ตัวเองต่อยอดความคิดด้านตัวละคร และมีพล็อตเพิ่มเติมที่อยากลองเขียน ถือว่าช่วยเรื่องงานเขียน และมุมมองได้ดีทีเดียว Read More

To All The Boys I’ve Loved Before by Jenny Han

  ปกติเป็นคนอ่านหนังสือช้า แต่เล่มนี้สามารถอ่านจบได้ในวันครึ่ง นับได้ว่าชอบ แม้จะยังมีจุดให้กรอกตาอยู่บ้างกับบางพฤติกรรมของตัวละคร แต่โดยรวมแล้วสนุก ยิ้มๆ อ่านแล้วสดใสสไตล์นิยายรักวัยรุ่น อารมณ์ว่าวัยรุ่นเขาก็คิดกันแบบนี้แหละ ให้ความสำคัญกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง เหมือนสมัยที่เราเป็นวัยรุ่น เราก็คงทำอะไรแบบนี้เหมือนกัน เรื่องราวของเด็กผู้หญิงที่มักจะเขียนจดหมายร่ำลารักเก่าที่ไปแอบรักไว้มากมาย พอจะเลิกรักก็เขียนจดหมายบอกลาเก็บใส่กล่องรองเท้าที่แม่เคยให้ไว้ ไม่คิดจะส่งไปไหน แต่วันหนึ่งจดหมายพวกนี้ดันหลุดไปถึงมือหนุ่มๆ เข้าจนได้ เรื่องราวถึงได้เกิดขึ้น ชื่นชอบบทสนทนาระหว่างตัวละครโดยเฉพาะพระนาง เวลาเขาจิกกัดหรือแอบชมกันทางอ้อมน่ารักและเป็นธรรมชาติดี เสียดายตรงที่พล็อตน่าจะทำให้เป็นเล่มเดียวจบ เพราะพออ่านไปถึงหน้าสุดท้ายแล้วแอบงงว่า อ้าว ทำไมจบงี้ ขวางหมอนดีกว่า แต่พอรู้ว่า อ๋อ เดี๋ยวมีเล่มต่อก็เข้าใจได้ (แต่จริงๆ นะ ด้วยตัวพล็อตแล้ว เล่มเดียวจบจะดีกว่า) Read More

The Strange and Beautiful Sorrows of Ava Lavender

  นิยายสนุกมักใช้เวลาไม่นานในการอ่าน เล่มนี้ก็เช่นกัน The strange and beautiful sorrows of Ava Lavender เป็นนิยายเรื่องแรกของ Leslye Walton ตอนที่อ่านจบและรู้ว่าเป็นเล่มแรกของเขายิ่งประทับใจ นิยายเล่มนี้เป็นเรื่องราวของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่มีปีกบนหลังตั้งแต่เกิด บางคนเห็นเธอเป็นนางฟ้า เป็นสิ่งมีชีวิตในตำนาน แต่สำหรับแม่ของเธอ เธอคือทุกอย่าง สำหรับพ่อ เธอไม่มีความสำคัญอะไรเลย สำหรับยาย เธอคือสิ่งเตือนใจถึงรักที่หายไปในกาลก่อน แต่สำหรับตัวเธอเองแล้ว เธอคิดว่าเธอเป็นเพียงเด็กผู้หญิงธรรมดาๆ เท่านั้น ชอบสำนวนและวิธีการเล่าเรื่องผ่านช่วงชีวิตของตัวละครหลัก 4 รุ่น คนเขียนให้รายละเอียดกับทุกตัวละครของเธอได้เป็นอย่างดี แม้แต่ตัวประกอบ ทุกตัวมีบทบาทมีผลกับเรื่อง เรียกว่าไม่ตกหล่นเลยแม้แต่ตัวเดียว และเหมือนกับชื่อเรื่อง ชีวิตของสาวๆ ทั้งสี่รุ่นและคนรอบข้างนั้นทั้งสวยงาม แปลกและหม่นหมอง นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายกึ่งย้อนยุค กึ่งแฟนตาซี แต่บอกเล่าความเป็นจริงด้านอารมณ์ของมนุษย์ไว้เป็นอย่างดี ภาพที่เกิดในหัวระหว่างที่อ่านจะเป็นภาพอาร์ตๆ งานสีสันชัดเจนแบบซีรีส์เรื่อง Pushing Daisies หรือว่าหนังเรื่อง The Grand Budapest Hotel     Read More

The Hunger Games Trilogy

  ได้ยินชื่อหนังสือชุด The Hunger Games โดย Suzanne Collins มาตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว รู้ว่าดังมาก สนุกมาก และพล็อตน่าสนใจมาก แต่ก็ยังเก้ๆ กังๆ ไม่ยอมอ่านเสียที เพราะกลัวความรุนแรงในเรื่อง เพราะพอรู้ว่าเรื่องดำเนินในอนาคต มีประเทศเกิดใหม่หลังจากการล่มสลายของโลกในปัจจุบัน ควบคุมโดยรัฐบาลที่กุมอำนาจทุกอย่าง แบ่งเขตประเทศออกเป็น 13 เขต แต่เขต 13 ก่อกบฎจนถูกกวาดล้างเรียบวุธ จึงเหลือเพียง  12  เขต และเพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงอำนาจของรัฐ และป้องกันการก่อกบฎ จึงมีการจัดเกมเพื่อรำลึกถึงวันนั้น โดยแต่ละเขตจะต้องส่งเด็กชายหญิงอย่างละคนจากการจับฉลาก มาเป็นเครื่องสังเวย (tributes) เพื่อฆ่ากันเองจนเหลือคนสุดท้าย ผู้ชนะจะได้รางวัลมากมาย รวมถึงเขตของตนก็จะกินดีอยู่ดีด้วย ผู้เขียนบอกว่าเป็นพล็อตที่ได้มาจากตำนานเทพกรีกโบราณ เรื่องที่ว่ากษัตริย์ (จำชื่อไม่ได้) ให้เมืองขึ้นส่งคนมาเป็นเครื่องบรรณาการ เพื่อเข้าไปในเขาวงกต หากใครออกมาได้ ก็รอดชีวิตกันไป แต่เขาวงกตไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เพราะใครเข้าไปไม่เคยได้ออกมาสักราย เนื่องจากในนั้นมีสัตว์ร้ายครึ่งคนครึ่งกระทิงอยู่ แต่พระเอกในเรื่องก็ออกมาได้ด้วยความช่วยเหลือของเจ้าหญิง (ประมาณนั้น) จากพล็อตกรีกบวกกับรายการเรียลลิตี้โชว์ที่ดูผ่านตาและสารคดีเกี่ยวกับสงครามทำให้เกิดเป็นนิยายชุด The Hunger Games ขึ้น กลับไปที่ว่า Read More

About Me

นายน้อย เป็นผู้หญิง ไม่ใช่ผู้ชายอย่างที่หลายๆ คนเคยเข้าใจ เติบโตมากับครอบครัวใหญ่สไตล์คนจีน เรียนหนังสือจบตามหลักสูตรจนได้ใบปริญญากับเขาหนึ่งใบ ยังไม่มีความคิดจะเพิ่มใบใหม่ๆ ในเร็ววันนี้ แต่ยังคงหาความรู้ไปเรื่อยๆ รอบตัวเราดังเป็ดน้อยที่ยังคงเห็นว่าทะเลสาบที่ชื่อโลกนั้นกว้างใหญ่เหลือเกิน นายน้อยเริ่มเขียนนิยายอย่างจริงจังเมื่อเรียนมัธยมปลาย โดยเขียนเป็นตอนๆ ตอนแรกให้เพียงเพื่อนสนิทสามคนอ่าน แต่เพราะเพื่อนเรียนอยู่คนละห้อง วันหนึ่งเมื่อเอานิยายที่ปรินท์ออกมาไปส่งให้อ่าน ก็มีเพื่อนคนอื่นๆ ในห้องนั้นมาทักแล้วถามว่า ตอนใหม่มาแล้วเหรอ อ่านเลยได้มั้ย ตอนนั้นเลยได้รู้ว่าสิ่งที่เราเขียนก็ใช้ได้เหมือนกัน ระหว่างที่เขียนเรื่องแรกอยู่นั้น ก็ลองผิดลองถูกเขียนอยู่หลายเรื่อง หลายแนว แต่ไม่จบสักเรื่อง กลับมาอยู่ที่เรื่องแรกที่เพื่อนอ่่านแล้วติดจนต้องเขียนกันอาทิตย์ต่ออาทิตย์ เมื่อเข้ามหาลัย อินเตอร์เน็ตเริ่มมีบทบาทมากขึ้น และได้อ่านงานใน love-stories ของพี่ตา สิรินดา เมื่อพี่ตาเปิดบอร์ดให้ลองโพส จึงนำเรื่องที่ตอนนั้นพยายามแต่งให้โตขึ้นไปโพส ผลตอบรับเล็กๆ น้อยๆ จากกลุ่มคนที่ชอบการเขียน การอ่านเหมือนกัน ทำให้มีกำลังใจและเขียนลงเป็นตอนๆ มาเรื่อยๆ ระหว่างที่เขียนอยู่สองเรื่อง นายน้อยก็ริเริ่มลองอะไรใหม่ๆ ด้วยวิธีการเขียนที่คงใกล้เคียงกับเรียลริตี้โชว์ในสมัยนี้คือ interactive novel มีการเปิดโหวตในตอนท้ายของทุกตอนจากตัวเลือก ก. ข. ค. ว่าคนอ่านอยากให้เรื่องดำเนินไปในทางไหน ซึ่งเรื่องนั้นก็คือ บอสหน้าตายกะยัยสอางค์ นิยายเรื่องแรกที่ได้ตีพิมพ์ในช่วงเวลาต่อมา ช่วงแรกไม่เคยคิดส่งผลงานไปที่ไหน แม้จะมีพี่ๆ ที่รู้จักได้ตีพิมพ์ผลงานกับทางแจ่มใสบ้างแล้วก็ตามที Read More

1 4 5 6 7